เพราะการนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าเบาะ ตามมาตรฐานของยุโรป จะสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับเด็กๆ
ช่วยลดแรงกระแทกได้มากกว่า จึงนิยมให้เด็กๆ นั่ง ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
วันนี้แอดมินจึงจะมาแนะนำวิธีการนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าเบาะว่าจะต้องนั่งนานแค่ไหน และต้องนั่งถึงกี่ขวบ
ให้กับคุณแม่ คุณพ่อกันค่า
ทำไมต้องนั่งแบบ Rear-facing?
คาร์ซีทสำหรับเด็ก ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องและช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่มีเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ส่วนทารก ร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะทนต่อแรงกระแทก
ดังนั้นการติดตั้งคาร์ซีท แบบ Rear-facing หรือแบบหันหน้าเข้าเบาะจะช่วยปกป้องศีรษะและกระดูกสันหลังส่วนคอซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดได้เป็นอย่างดี
ตามรายงานใน Pediatrics ฉบับเดือนเมษายน ค.ศ.2011 กล่าวว่า กระดูกและเอ็นของกระดูกสันหลังของทารกสามารถยืดได้ถึง 2 นิ้ว ขณะที่ไขสันหลังสามารถยืดได้เพียง ¼ นิ้ว เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า ถ้ากระดูกสันหลังได้รับแรงกระแทกจากการชน ไขสันหลังก็มีความเสี่ยงต่อการถูกทำลาย ส่งผลให้สมองเสียหายหรือเป็นอัมพาตได้เลย และจากการทดสอบการเกิดอุบัติเหตุและการชน โดยติดตั้งคาร์ซีทแบบ Rear-facing หรือ แบบหันหน้าเข้าเบาะ พบว่าสามารถป้องกันแรงได้มากกว่าการติดตั้งแบบ Forward Facing หรือแบบหันหน้าออกเบาะได้มากถึง 4-5 เท่าเลยค่า
ต้องนั่งแบบ Rear-facing ไปนานแค่ไหน?
เป็นอีกคำถามที่คุณพ่อ คุณแม่สงสัยกันมากมายว่าต้องติดตั้งแบบ Rear-facing หรือหันหน้าเข้าเบาะนานเท่าไหร่ ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้นของบทความว่า การติดตั้งแบบ Rear-facing หรือหันหน้าเข้าเบาะไม่มีเวลาที่กำหนดไว้ชัดเจน หากแต่กล่าวไว้ว่าให้นั่งนานที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือนั่งไปถึงน้อง 4 ขวบเลยค่า
คุณพ่อ คุณแม่ อาจจะกังวลว่าถ้าให้น้องนั่งแบบ Rear-facing หรือแบบหันหน้าเข้าเบาะจนน้องโต ขาน้องจะยาวเกินเบาะไปจะเกิดอันตรายกับน้องไหม สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อ คุณแม่ต้องตระหนักเสมอว่าหากเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงขึ้นพอที่ขาจะหักได้ แรงจากอุบัติเหตุก็สามารถทำให้คอของเด็กๆ หักได้เช่นกัน
ดังนั้นการติดตั้งคาร์ซีทแบบ Rear-facing หรือแบบหันหน้าเข้าเบาะ เป็นการติดตั้งที่จะช่วยปกป้องและลดแรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้สูงที่สุดเช่นกันค่า